shutterstock_700940833.jpg

Why antipollution skincare matters?

ในแต่ละวัน ผิวของเราต้องสัมผัสกับสารมลพิษในอากาศหลากหลายชนิด ทั้งอนุภาคขนาดใหญ่กว่า 100 ไมครอน (PM 100) ไปจนถึงขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ที่สามารถดูดซับเข้าไปได้ถึงชั้นเซลล์ผิว ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่า 90% ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่ต้องออกนอกบ้านมาเผชิญกับมลภาวะ จะได้รับผลกระทบจากมลภาวะในอากาศที่มีค่าสูงเกินมาตรฐานความปลอดภัย

skin problems for web.jpg

สารมลพิษนี้ยังมีกลไกการทำร้ายผิวที่แตกต่างกัน (Pitman, S., 2017; McDaniel et al. 2018) ถึง 9 ประการ ได้แก่ 

  • สารมลพิษ โดยเฉพาะฝุ่นยึดเกาะผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ

  • สารมลพิษสะสมบนผิวก่อนดูดซึมเข้าผิวชั้นใน

  • สารมลพิษซึมผ่านรูขุมขนเข้าไปยังผิวหนังชั้นใน

  • สารมลพิษดูดโมเลกุลน้ำไปจากผิวหนัง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น มีริ้วรอย

  • สารมลพิษทำให้เกิดอนุมูลอิสระ เป็นสาเหตุของ ผิวอักเสบและการทำลายเกราะป้องกันผิว

  • สารมลพิษส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อ

  • สารมลพิษเร่งการเกิดเม็ดสีหรือเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุของจุดด่างดำ

  • สารมลพิษยับยั้งการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย

  • รังสียูวี เร่งกลไกการทำร้ายผิวจากมลภาวะ

กลไกทำร้ายผิวจากสารมลพิษเหล่านี้เป็นที่มาของปัญหาผิวมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาผิวอักเสบ เกิดผื่นแดง สิวผด ผิวหน้าไม่แข็งแรง รูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ หยาบกร้าน มีจุดด่างดำและหมองคล้ำ เกิดริ้วร้อยและภาวะแก่ก่อนวัย (Premature aging)
ดังนั้น Antipollution skincare หรือสกินแคร์บำรุงผิวที่ช่วยต้านมลภาวะ จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่สามารถปกป้องและยับยั้งการทำร้ายผิวจากมลภาวะที่เกิดจากกลไกที่แตกต่างกันนี้ เพื่อให้ได้สูตรสกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากการทำร้ายผิวจากสารมลพิษ (Mistry N., 2017)