Smoking Kills (your skin)

6_aug.jpg

ควันบุหรี่ประกอบด้วยสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิด สารประกอบหลักนอกจากสารนิโคตินที่รู้จักกันดี ยังมีทาร์คาร์บอนมอนอกไซด์ บิวเทน เบนซิน แอมโมเนีย ไซยาไนด์และไฮโดรควิโนน เป็นต้น สารเคมีในบุหรี่มากกว่า 50 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากทำลายปอด ก่อให้เกิดมะเร็ง ยังทำลายสุขภาพผิว ดังนั้นผู้สูบบุหรี่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะมีลักษณะใบหน้าที่เรียกว่า Smoker’s face ซึ่งเป็นอาการทางผิวหนัง คือใบหน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน เป็นผื่นแพ้ และใบหน้าอาจมีสีม่วงหรือแดง

ผลของควันบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพผิว 

  • ภาวะแก่ก่อนวัย (Premature aging)

    สารที่อยู่ในควันบุหรี่จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง โดยไปเร่งการสลายคอลลาเจนและอีลาสติน และยังไปลดการสร้าง growth facter ที่กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและผิวหย่อนคล้อยได้

  • สิว

    งานวิจัยพบว่าสตรีที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นสิวอุดตันแบบไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) มากกว่าคนไม่สูบถึง 4 เท่า สาเหตุมาจากควันบุหรี่ไปเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งมีส่วนให้เกิดการสะสมของน้ำมันที่ผิว นอกจากนี้สารในควันบุหรี่ยังไปลดปริมาณวิตามิน E ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและให้ความชุ่มชื้นกับผิว

  • ยับยั้งการซ่อมแซมแผล (wound healing)

    มีงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่าควันบุหรี่มีผลให้การซ่อมแซมแผลเกิดได้ช้าลง เพราะสารในควันบุหรี่จะไปยับยั้งกระบวนการซ่อมแซมผิวและการหดตัวของเซลล์รอบบาดแผล ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวเกิดได้ช้าลง และยังทำให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย

  • การอักเสบและการทำลายเกราะป้องกันผิว

    คาร์บอนมอนนอกไซด์จากควันบุหรี่ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมาทำลายผิวทำให้เซลล์ผิวอักเสบ และยังทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ ซึ่งผลที่ตามมาได้แก่ผิวบอบบาง ระคายเคือง แพ้ง่าย เกิดผื่นแพ้ ทำให้ผิวหนังอักเสบ และนำไปสู่ภาวะโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน

  • การสร้างเม็ดสีมากเกินปกติ (Hyperpigmentation) และมะเร็งผิวหนัง

    นิโคตินและสารบางตัวที่อยู่ในควันบุหรี่สามารถจับกับเม็ดสีเมลานินทำให้การสะสมของเมลานินในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะเกิดการสะสมของเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น และยังนำไปสู่มะเร็งผิวหนังชนิด malignant melanoma

woman-wearing-white-crew-neck-shirt-963444.jpg