Smoking Kills (your skin)
ควันบุหรี่ประกอบด้วยสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิด สารประกอบหลักนอกจากสารนิโคตินที่รู้จักกันดี ยังมีทาร์คาร์บอนมอนอกไซด์ บิวเทน เบนซิน แอมโมเนีย ไซยาไนด์และไฮโดรควิโนน เป็นต้น สารเคมีในบุหรี่มากกว่า 50 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากทำลายปอด ก่อให้เกิดมะเร็ง ยังทำลายสุขภาพผิว ดังนั้นผู้สูบบุหรี่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะมีลักษณะใบหน้าที่เรียกว่า Smoker’s face ซึ่งเป็นอาการทางผิวหนัง คือใบหน้าเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน เป็นผื่นแพ้ และใบหน้าอาจมีสีม่วงหรือแดง
ผลของควันบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพผิว
ภาวะแก่ก่อนวัย (Premature aging)
สารที่อยู่ในควันบุหรี่จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง โดยไปเร่งการสลายคอลลาเจนและอีลาสติน และยังไปลดการสร้าง growth facter ที่กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและผิวหย่อนคล้อยได้
สิว
งานวิจัยพบว่าสตรีที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นสิวอุดตันแบบไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) มากกว่าคนไม่สูบถึง 4 เท่า สาเหตุมาจากควันบุหรี่ไปเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งมีส่วนให้เกิดการสะสมของน้ำมันที่ผิว นอกจากนี้สารในควันบุหรี่ยังไปลดปริมาณวิตามิน E ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและให้ความชุ่มชื้นกับผิว
ยับยั้งการซ่อมแซมแผล (wound healing)
มีงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่าควันบุหรี่มีผลให้การซ่อมแซมแผลเกิดได้ช้าลง เพราะสารในควันบุหรี่จะไปยับยั้งกระบวนการซ่อมแซมผิวและการหดตัวของเซลล์รอบบาดแผล ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวเกิดได้ช้าลง และยังทำให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
การอักเสบและการทำลายเกราะป้องกันผิว
คาร์บอนมอนนอกไซด์จากควันบุหรี่ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมาทำลายผิวทำให้เซลล์ผิวอักเสบ และยังทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ ซึ่งผลที่ตามมาได้แก่ผิวบอบบาง ระคายเคือง แพ้ง่าย เกิดผื่นแพ้ ทำให้ผิวหนังอักเสบ และนำไปสู่ภาวะโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน
การสร้างเม็ดสีมากเกินปกติ (Hyperpigmentation) และมะเร็งผิวหนัง
นิโคตินและสารบางตัวที่อยู่ในควันบุหรี่สามารถจับกับเม็ดสีเมลานินทำให้การสะสมของเมลานินในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะเกิดการสะสมของเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น และยังนำไปสู่มะเร็งผิวหนังชนิด malignant melanoma